สักกายทิฐิ

คือ มิจฉาทิฐิที่หลงหมายมั่นขันธ์ห้าหรือรูปนามนี้เป็นเรา ความเป็นเรามีอยู่จริง กายนี้คือเรา จิตคือเรา

เมื่อจิตยังไม่เห็นแจ้ง ก็หลงกายนี้เป็นเราบ้าง หลงอาการรู้สึก นึก คิดทั้งหลายเป็นเราผู้รู้สึกนึกคิดนั้น หลงอาการรู้ของจิตเป็นเรา เราผู้รู้

ดังนั้น เบื้องต้นต้องพิจารณาให้แจ่มแจ้งจนจิตมันยอมรับความจริงก่อนว่า มันไม่มีความเป็นเราที่แท้จริง มันเป็นแค่ขันธ์ ความเป็นเราเป็นสิ่งที่จิตปรุงแต่งขึ้นเองเท่านั้น

ต่อไปเมื่อจิตพิจารณาจนยอมรับได้เช่นนั้น ต้องใช้สัมมาทิฐิที่ได้นั้นมาประกอบสติเพื่อรู้เท่าทันความเป็นเราที่เกิดขึ้น ในปัจจุบันขณะ เมื่อรู้เท่าทันได้ก็มองให้เห็นแจ้งตามสัมมาทิฐิที่เราพิจารณามา จิตเห็นชัดถึงการปรุงแต่งความเป็นเราของจิต จนแยกออกได้ว่า สิ่งที่ปรากฏคือรูปนามขันธ์ห้าเท่านั้น แต่ความเป็นเราถูกจิตปรุงแต่งเข้าไปภายหลัง

เมื่อเห็นแจ้งเช่นนี้บ่อยๆ ทั้งกับความเป็นเราตัวเล็กเบาๆ จนถึงเราตัวแรงๆ จนจิตมันชำนาญ ความหลงโดยความเป็นเราหรือสักกายทิฐิ ถึงจะหมดไปได้

มันจึงไม่ใช่แค่คิด แค่ความเข้าใจ แต่ต้องปฏิบัติจริงเห็นจริงวางจริง

Comments are closed