ลองสำรวจตัวเองดูสิ ว่าเธอมีความรักความเมตตาต่อผู้อื่น หรือว่ามีตัวตนอันใหญ่ เอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง
- เวลาเธอได้หรือมีอะไร เธอจะนึกถึงผู้อื่น อยากแบ่งปัน หรืออยากให้ผู้อื่นได้หรือมีอย่างเธอ
หรือว่า เธอนึกถึงแต่ตัวเธอเองผู้เดียว, กลัวผู้อื่นจะมาแย่ง - เวลาเธอต้องสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือทำอะไรที่มีผลกับผู้อื่น เธอจะระแวดระวังเสมอที่จะไม่ให้ไปกระทบใคร หรือทำให้ใครเดือดร้อน
หรือว่า นึกจะทำก็ทำ โดยไม่เคยคิดว่าใครจะเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร - หากเธอต้องพบปะผู้อื่น เธอจะยินดีและมีความปรารถนาอยู่ภายใน ที่จะทำให้เขามีความสุข
หรือว่า ฉันไม่อยากพบใคร ฉันอยากอยู่ของฉัน ฉันไม่ยุ่งกับใคร และใครก็อย่ามายุ่งกับฉัน - เธอชอบที่จะช่วยเหลือผู้อื่น และยินดียามเมื่อผู้อื่นช่วยเหลือเธอ
หรือว่า เธอไม่ชอบช่วยเหลือใคร ฉันชอบทำของฉันคนเดียว และใครก็ไม่ต้องมาช่วยฉัน - เธอเปิดใจรับฟังความเห็นผู้อื่นอยู่เสมอ โดยไม่คิดว่าตนจะถูกไปซะหมด
หรือว่า กูถูก กูดี กูเก่ง กว่าคนอื่น - ยามเกิดข้อผิดพลาด เธอเปิดใจยอมรับคำตำหนิติเตียน และพร้อมที่จะแก้ไข
หรือว่า เธอมีแต่หาข้ออ้าง, หาข้อแก้ตัว, โทษสิ่งโน้นสิ่งนี้ คนโน้นคนนี้ - เวลาผู้อื่นได้รับคำชม หรือประสบกับสิ่งดีๆ หรือได้รับอะไรที่พิเศษ เธอรู้สึกยินดี ปลื้มใจไปกับเขา
หรือว่า เธออิจฉาริษยา รู้สึกไม่ยุติธรรม อึดอัดขัดเคือง หมั่นไส้ เชอะ! - ยามที่ผู้อื่นไม่เป็นดังใจเธอ หรือไม่ทำในสิ่งที่เธอคิด เธอเปิดใจยอมรับ และให้อภัยได้
หรือว่า เธอบันดาลโทสะ, โมโหโทโส, ขุ่นเคือง, เกิดความเกลียดชัง - ยามเมื่อเธอเสียสละสิ่งของหรือทำงานให้ส่วนรวม เธอมีความสุข ความยินดีในการที่ได้ทำ ได้ช่วยผู้อื่น โดยไม่หวังว่าใครจะรู้หรือไม่
หรือว่า “ฉันเสียสละอยู่คนเดียว,ฉันเหนื่อยคนเดียว, มีใครรู้มั้ยว่าฉันทำ/ฉันเป็นคนให้, ทำไมไม่มีใครช่วยฉันเลย, ทำไมฉันได้แต่งานที่ลำบาก”
ก้าวต่อไป
เมื่อสำรวจตรวจสอบตนเองแล้ว หากมีด้านลบ เราจะพบข้ออ้างและเหตุผลมากมายที่สนับสนุนให้เราเป็นเช่นนั้น นั่นแสดงถึงตัวตนหรือสิ่งที่เรายังยึดอยู่
จงเอาสิ่งเหล่านั้นมาพิจารณาให้เห็นแจ้งให้ได้ว่า ทำไม เพราะอะไร เราจึงไม่ควรยึดเช่นนั้น ให้จิตมันยอมให้ได้
แล้วใช้ปัญญาตรงนี้ ไปคอยตัดความยึดนั้น ยามเมื่อมันเกิดขึ้นอีกหากมันยังมีมาก ดีกรีเท่าเดิม หรือยังเกิดขึ้นอีกบ่อยๆ เราก็ต้องพิจารณาซ้ำ หาเหตุผลสอนมันให้มากขึ้น อุดข้ออ้างทั้งหลายของมันให้หมด อย่าปล่อยให้เป็นช่องของมาร
ทำเช่นนี้เรื่อยๆ จนเราสามารถย้ายมาอยู่ด้านบวกได้หมด แล้วเราจะบังเกิดเมตตาขึ้นโดยอัตโนมัติ ในขณะเดียวกันตัวตนของเราก็จะค่อยๆ หดเล็กลง
เจริญพร
อาจารย์หมอ
Comments are closed