การดำเนินไปสู่ความรู้แจ้งหลุดพ้นอันสมบูรณ์ ไม่ใช่การดำเนินแบบสุกเอาเผากิน
บ้างจะเอาแค่สติ บ้างจะเอาแค่สมาธิ บ้างจะเอาแค่ปัญญา
นั่นมันคือ ความมักง่ายทั้งสิ้น
ประสาอะไรกับพวกติดฤทธิ์ติดเดช ติดสภาวะ
แม้จะดำเนินครบทั้งสติสมาธิปัญญา มันก็ยังต้องอาศัยอุบายในการทดสอบจิตของตน
เพื่อเขย่าตะกอนของกิเลส ที่ซ่อนเร้นออกมาให้หมด
หากเธอหลงว่าเธอมีสติสมาธิปัญญาดีแล้ว ลองสำรวจตรวจสอบตนเองดูสิว่า
เธอรักและปรารถนาดีต่อทุกๆคนโดยไม่มีข้อแม้ ได้รึเปล่า
เธอเสียสละกำลังกาย ยอมเสียสละทิฐิความเห็นที่ตนยึดมั่นไว้ ได้รึเปล่า
เธอรักษากฏระเบียบ ความดีงามของสังคม ดำรงหน้าที่ของตนอย่างดี ได้รึเปล่า
เธออดทนอดกลั้น ต่อสิ่งต่างๆ ที่ไม่เป็นดั่งใจเธอ ได้รึเปล่า
เธอขยันหมั่นเพียรในการรื้อถอนสิ่งเสื่อมทั้งหลายในใจ และพากเพียรเจริญแต่สิ่งเจริญ สิ่งที่เป็นกุศล ได้รึเปล่า
เธอมักน้อย สันโดษในการเสพทั้งหลาย ได้รึเปล่า
ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องช่วย เครื่องทดสอบอย่างดี ว่าเธอเข้าใกล้ความหลุดพ้นแค่ไหน
ไม่มีผู้หลุดพ้นที่ไหนที่จะเห็นแก่ตัว ยึดถือในทิฐิ เกียจคร้าน ไม่รับผิดชอบ เอาแต่ใจ มักมากในการเสพหรอก
ไม่ว่าเธอจะหลงหรือใครจะชมว่าเธอปฏิบัติดีแค่ไหน
ให้ย้อนกลับมาดูสิ่งเสื่อมต่างๆเหล่านี้ ว่าเบาบางลงหรือไม่
การเจริญบารมี จึงเป็นเครื่องช่วย เป็นเครื่องอยู่ เครื่องดำรงตน และเป็นบททดสอบอย่างดี
อันจะมีผลให้จิตอันหลงนี้ให้หายหลง และพาข้ามทะเลแห่งความทุกข์นี้ได้อย่างสิ้นเชิง
Comments are closed