ทัศนะแห่ง “สุญญตา”

ความเข้าใจในสัจธรรมที่สำคัญที่สุดของพุทธศาสนา คือ อนิจจัง (anicca) ทุกขัง (dukkha) และ อนัตตา (anatta) ซึ่งควรจะหมายไปถึง “สุญญตา” (sunyata)

ทั้งสามนี้มีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด และแต่ละสัจธรรมก็เชื่อมโยงไปสู่สัจธรรมถัดไป

สัจธรรมแรกคือ อนิจจัง ซึ่งแทบจะเป็นเรื่องเดียวที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เราทุกคนสามารถเห็นได้ว่าสิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลง ทุกคนแก่ชราลงและในที่สุดก็ตายไป ไม่มีอะไรในโลกนี้หรือที่อื่นใดเลยที่ไม่เปลี่ยนแปลงและเสื่อมสลาย

แต่สิ่งสำคัญของประเด็นนี้คือ สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงเร็วแค่ไหน? เมื่อเราพิจารณาสาระแท้ของสิ่งที่มีอยู่ เรารู้ว่าสิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงเมื่อไหร่?

เมื่อพิจารณาอย่างลึกซึ้ง มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพียงแค่วันละครั้ง ปีละครั้ง เดือนละครั้ง หรือแม้กระทั่งวินาทีละครั้ง
จริงๆ แล้วเราจะพบว่า
ไม่มีช่วงเวลาใดที่สิ่งต่างๆ ไม่เปลี่ยนแปลงเลย เพราะทุกสิ่งต่างดำรงอยู่แบบอิงอาศัยซึ่งกันและกัน ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องขึ้นอยู่กับสิ่งอื่นๆอีกมากมาย

ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่เป็นตัวของมันเองอย่างแท้จริง ที่จะสามารถอยู่ได้โดยเอกเทศ เป็นอิสระ
ทุกอย่างล้วนดำรงอยู่ร่วมกัน อิงอาศัยกัน ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยอันแตกต่างหลากหลาย

นั่นคือเหตุผลที่เราต้องเข้าใจในเรื่องของการอิงอาศัยซึ่งกันและกัน ทุกสิ่งส่งผลกระทบต่อทุกสิ่ง
สิ่งที่เรามองว่าเป็นหนึ่งเดียว ไม่ได้เป็นแค่หนึ่งเดียว แต่เป็นหลายสิ่งที่อยู่ตรงนั้น และไม่มีแม้สิ่งเดียวในหลายสิ่งนั้นที่มีอยู่อย่างจริงแท้ เพราะแต่ละสิ่งที่คุณมอง มันก็ประกอบด้วยสาเหตุ เงื่อนไข ส่วนผสม และสิ่งต่างๆ มากมาย ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่ไม่อิงอาศัยซึ่งกันและกัน

ดังนั้น เมื่อคุณพิจารณาเห็นว่ามันไม่เที่ยงแท้ อิงอาศัยซึ่งกันและกัน และเป็นเพียงสิ่งที่มาสัมพันธ์กันเท่านั้น นั่นคือวิธีที่สรรพสิ่งดำรงอยู่ มันไม่มีช่วงเวลาใดเลย ที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งจะดำรงอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ถูกกระทบจากสิ่งอื่นๆหรือไม่ส่งผลต่อสิ่งอื่นๆ

ดังนั้นทุกสิ่งจึงอยู่ในสภาพเหมือนกระแสน้ำ ที่ไหลไปเรื่อยๆ ไม่มีช่วงเวลาใดที่คุณจะสามารถพูดได้ว่า สิ่งนี้มีอยู่เพียงในขณะนี้เท่านั้น ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่ง หรือไม่ถูกกระทบจากสิ่งอื่น

ดังนั้น หากคุณพิจารณาอย่างลึกซึ้งในลักษณะนั้นหรือสภาวะนั้น คุณจะพบว่า ไม่มีอะไรที่อยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างแท้จริง และไม่มีสิ่งใดที่เรียกว่า เป็น สิ่งเดียวโดดๆจริงๆ

ความเข้าใจนี้คือสิ่งที่เราเรียกว่า ทัศนะของ “สุญญตา”

ทุกสิ่งที่อยู่ตรงนั้นไม่ใช่ไม่มีอยู่ สุญญตาไม่ได้หมายความว่าไม่มีอะไรอยู่เลย หรือไม่มีอะไรอยู่ที่นั่น หรือว่างเปล่าแบบไม่มีอะไร
แต่มันหมายถึง วิถีทางการดำรงอยู่ของสิ่งต่างๆ ที่เราเห็นรอบตัวเรา ทุกสิ่งทุกอย่างจริงๅ ทั้งภายนอกภายใน รวมถึงตัวเราเอง ปรากฏการณ์ทั้งหมดล้วนดำรงอยู่ตามธรรมชาติของมันแบบนั้น

สิ่งที่พอจะเรียกได้ว่าดำรงอยู่ ก็คือ สภาพการอิงอาศัยซึ่งกันและกัน ความไม่เที่ยงแท้ แปรปรวนของกระแสเหตุปัจจัย มันจึงไม่มีสิ่งใดที่มีอยู่อย่างแท้จริง มันจึงเป็นสภาพอันอิสระตามธรรมชาติ ที่มีอยู่แล้วตลอดเวลา

การที่มันดำรงอยู่แบบไม่มีตัวตนที่แท้จริง นั่นเรียกว่า ธรรมชาติของความว่างเปล่าจากความเป็นตัวตนของสิ่งต่างๆ

ด้วยเหตุนี้ ทุกสิ่งจึงสามารถเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งจึงคงสภาพอยู่ไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน

เนื่องจากทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เหมือนดอกไม้ที่สามารถเจริญเติบโต เบ่งบาน และเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งต่างๆ ต่อไปเรื่อยๆ ปฏิกิริยาทางเคมีภายในก็แปรเปลี่ยน กลายเป็นสิ่งใหม่เกิดขึ้น
เพราะความไม่เที่ยงแปรเปลี่ยนของกระแสเหตุปัจจัย มันจึงสามารถเกิดเป็นอะไรๆก็ได้ ตามเหตุและปัจจัยอันหลากหลายนั้น
นี่คือความหมายของสุญญตา ไม่มีสิ่งใดที่มีตัวตนแท้จริง หรือมีอยู่คงอยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง

ซึ่งนั่นคือวิธีที่ทุกสิ่งเป็นอยู่ รวมถึงพวกเราทุกคน รวมถึงทุกสิ่ง และนั่นคือธรรมชาติของสิ่งต่างๆ ที่เป็นอยู่

สัจความจริงนี้ เรียกว่า
การอิงอาศัยซึ่งกันและกัน (interdependence) ความว่างเปล่าจากอัตตาตัวตนใดๆ (emptiness)
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

Comments are closed